บทเรียนจากยุโรป : โควต้าอาเซียนจะช่วยพัฒนาฟุตบอลไทยอย่างไร?

ในฤดูกาล 2018 จะเป็นครั้งแรกที่ โตโยต้า ไทยลีก มีโควต้าอาเซียนเป็นครั้งแรก ว่าแต่โควต้านี้จะทำให้ฟุตบอลไทยพัฒนาขึ้นไหม?
ซีซั่นหน้าฟุตบอลลีกสูงสุดของไทย จะมีการใช้สูตร 3+1+1 (ต่างชาติ + เอเชีย + อาเซียน) ในการลงทะเบียนนักเตะ ส่วนการลงสนามก็จะเป็น 3+1 ซึ่ง 1 ที่ว่าจะเป็นโควต้าเอเชียหรืออาเซียนก็ได้
แน่นอนว่าสิ่งที่จะได้ประโยชน์ไปเต็มๆ คือเรื่องการตลาดที่ประเทศในอาเซียนจะหันมาสนใจ โตโยต้า ไทยลีก มากขึ้น เมื่อมีนักเตะในประเทศของตนเองมาค้าแข้งในลีกที่ชื่อว่าเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เหมือนอย่างที่ เจ-ลีก มีโควต้านี้โดยเฉพาะทีมละ 1 คน
ซึ่งโควต้าอาเซียนก็เปรียบเสมือนโควต้าแข้งต่างชาติในยุโรปสมัยก่อน หรือโควต้านอกอียูในสมัยนี้นั่นเอง
โควต้าต่างชาติ ก่อนที่จะมีนโยบายเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีของอียู แต่ละชาติจะจำกัดตัวผู้เล่นต่างชาติลงสนาม 3 คน ซึ่งนั่นไม่เคยมีปัญหาอะไรกับชาติที่มีลีกชั้นนำของยุโรปอย่าง อิตาลี, เยอรมัน, ฝรั่งเศส ที่ผลัดกันเข้ารอบลึกๆ ของฟุตบอลยูโรหรือฟุตบอลโลกได้ตลอด
จะมีก็เพียงสเปนกับอังกฤษที่ผลงานกระท่อนกระแท่น ซึ่งหากไม่นับ “กระทิงดุ” ที่มีปัญหาเรื่องเชื้อชาติจนส่งผลมาถึงผลงานของทีมชาติตัวเองแล้ว ฝั่ง “สิงโตคำราม” ถือว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะนักเตะที่ค้าแข้งในลีกอังกฤษนั้นมีแข้ง สก็อตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์ปะปนอยู่ด้วยมาช้านาน จนมีแค่ 3 ครั้งเท่านั้นที่ทีมชาติอังกฤษเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูโรหรือฟุตบอลโลก
และเมื่อนโยบายเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีของสหภาพยุโรปเข้ามาเมื่อช่วงปลายทศวรรษที่ 90 ทำให้พรีเมียร์ลีกได้รับผลกระทบมากที่สุด เมื่อสโมสรผู้ดีต่างว่าจ้างนักเตะต่างชาติเข้ามาแทนนักเตะท้องถิ่น เนื่องจากค่าตัวและค่าจ้างถูกกว่า และที่สำคัญก็คือฝีเท้าดีกว่า ทักษะ เบสิคแน่นกว่าเห็นๆ หากจะใช้นักเตะผู้ดีในเรตเงินเดียวกัน
แม้จะมีข้อดีคือทำให้ลีกได้รับความสนใจจากทั่วโลก ทำให้มูลค่าทางการตลาดสูงเป็นอันดับ 1 เนื่องจากใครๆ ก็อยากดูนักเตะชาติตัวเองลงเตะบนเวทีระดับท็อป แต่มันก็ส่งผลทิ่มแทงต่อทีมชาติโดยตรง เมื่อขาดแคลนนักเตะฝีเท้าดีเข้าสู่สารบบ เช่นเดียวกันกับโค้ชชาวอังกฤษที่หาได้ยากเต็มทน
ถัดมาก็เป็น กัลโช่ เซเรีย อา ของอิตาลี อีกหนึ่งแหล่งรวมซูเปอร์สตาร์ ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าพลพรรคอัซซูรี่ เริ่มขาดแคลนแข้งฝีเท้าดีมาทดแทนนักเตะในทีมชาติชุดใหญ่ ทำให้สายพานมันขาดไป
ส่วนเยอรมันก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยกว่ากันหลังจากคว้าแชมป์ยูโร 1996 พลพรรค “อินทรีเหล็ก” จอดป้ายแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 1998
ก่อนจะตกรอบแรกแบบขายขี้หน้าในยูโร 2000รื้อระบบใหม่หมดตั้งแต่รากหญ้า
หลังจากที่ยุคของ ลิเบอโร่ หมดไปพร้อมกับนักเตะเก่าๆ เดเอฟเบจึงเร่งสร้างเจเนเรชั่นใหม่ที่เติมความคิดสร้างสรรค์และไอเดียในการเล่นเข้ามาแทนที่ พวกเขาลงพื้นที่ในระดับรากหญ้าเพื่อเสาะหาดาวรุ่งเก่งๆ เข้าสู่ระบบ และฝึกสอนทักษะที่ถูกต้องให้กับเด็ก พร้อมกับบรรจุในเงื่อนไขคลับ ไลเซนซิ่ง ว่าทุกสโมสรในระดับบุนเดสลีกากับบุนเดสลีกา 2 จะต้องมีอะคาเดมี่ทุกสโมสร
เห็นได้ชัดว่านับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2006 เป็นต้นมา แข้งยุคใหม่ของเยอรมันเล่นกันสวยงามพริ้วไหวมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ประสิทธิภาพก็ไม่ได้ขาดหายไปแต่อย่างใด
ส่วนฝรั่งเศสอาจจะมีบางห้วงที่ล้มเหลวบ้าง แต่ก็ไม่เคยตกต่ำนาน เมื่อพวกเขามีศูนย์ฝึกแกลร์กฟงแตน ที่คอยผลิตนักเตะออกมาอย่างไม่ขาดสายนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1988 เธียร์รี่ อองรี, นิโกล่าส์ อเนลก้า, หลุยส์ ซาฮา, วิลเลี่ยม กัลลาส ถือเป็นตัวท็อปรุ่นแรกๆ จนมาถึง คิลียัน เอ็มบัปเป้ เป็นรายล่าสุด
ขณะเดียวกัน นักเตะเลือดน้ำหอมถือว่าเป็นสินค้าส่งออกชั้นดีในวงการลูกหนังเลยทีเดียว เมื่อมีนักเตะไปเล่นต่างแดนสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากบราซิลและอาร์เจนติน่าเท่านั้น จากผลสำรวจของ The International Centre for Sports Studies (CIES) ศูนย์การเรียนรู้อิสระที่มีชื่อเสียงของสวิตเซอร์แลนด์
ทางด้านของสเปนก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าห่วง เพราะอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น หากพวกเขามีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็สามารถเป็นยอดทีมได้ อย่างที่เห็นกันในช่วงระหว่างปี 2008 – 2012 และตอนนี้ก็กำลังอยู่ในช่วงถ่ายเลือดใหม่
โดยในลีกท็อป 5 ของยุโรป ลา ลีกา สเปน ถือว่ามีนักเตะต่างชาติน้อยสุดรองมาจาก ลีก เอิง ของฝรั่งเศส ที่ 41.6% ส่วนลีกน้ำหอมมีแค่ 33.9% ขณะที่แข้งกระทิงถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 6 ของโลก
ที่น่าห่วงที่สุดก็คืออังกฤษที่นอกจากนักเตะของตัวเองจะไม่ใช่สินค้าส่งออกชั้นดีแล้ว พรีเมียร์ลีกยังเป็นลีกที่มีนักเตะต่างชาติมากสุดในยุโรปถึง 66.4% เช่นเดียวกับเซเรีย อา อยู่ในอันดับ 3 ที่ 57.9% และแข้งมะกะโรนียังไม่ติดแม้กระทั่ง 15 อันดับแรกที่ไปค้าแข้งต่างแดนอีกด้วย
แม้ทัพ “สิงโตคำราม” รุ่นเล็ก จะเพิ่งคว้าแชมป์โลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี และยูโร ยู-19 มาหมาดๆ แต่ก็ไม่มีอะไรมาการันตีได้เลยว่า พวกเขาจะสอดแทรกขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในสโมสรของตัวเองได้สำเร็จในอนาคต
คลิ๊กลิงค์ —>
คลิ๊กลิงค์ —> .