สรุปผล : ( เอฟเอ คัพ ) เลสเตอร์ 1 – 1 เชลซี 18 มีนาคม 2561

ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ

วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม 2561

เลสเตอร์ (พรีเมียร์ลีก) 1 -1 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)
Leicester (Premier League) 1-1 Chelsea (Premier League)

(ต่อเวลาพิเศษ เชลซี ชนะ 2-1)

 

สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

เลสเตอร์ ซิตี้ ปรับทัพ 2 ตำแหน่ง มาร์ค อัลไบรท์ตัน กับ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ประจำการตัวจริง ฝั่ง เชลซี เปลี่ยน 2 จุดเช่นกัน ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ กับ อัลบาโร่ โมราต้า สตาร์ตตั้งแต่ต้นเกม

 

ผ่านไป 3 นาที เจ้าบ้านทักทายก่อน แดนนี่ ซิมพ์สัน ครอสเข้าเขตโทษให้ มาร์ค อัลไบรท์ตัน สอดเข้าไปยิงหลุดกรอบออกไป

 

นาที 20 เลสเตอร์ ยังได้ลุ้นอีกครั้ง วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ สับไกนอกเขตโทษแต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับ วิลลี่ กาบาเยโร่

 

7 นาทีถัดมา “สิงห์บลูส์” ตอบโต้กลับไปบ้าง มาร์กอส อลอนโซ่ หักเข้ากลางให้ อัลบาโร่ โมราต้า จับก่อนตะบันไปเข้ามือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล

 

ก่อนหมดครึ่งแรก 3 นาที ทีมเยือนชิงนำก่อนจากจังหวะสวนกลับเร็ว วิลเลี่ยน แทงขึ้นหน้าให้ อัลบาโร่ โมราต้า ทะลุเข้าเขตโทษก่อนเอี้ยวตัวแปด้วยขวาเสียบเสาขวามือเป็นประตู 1-0 และจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้

 

กลับมาต่อครึ่งหลัง นาที 47 เจ้าบ้านน่าได้ประตูตีเสมอ เจมี่ วารืดี้ เกือบได้หลุดเข้าไปยิงแต่ วิลลี่ กาบาเยโร่ ออกมาตัดได้ทันเวลา ทว่ายังไม่พ้นอันตรายเพราะบอลเข้าทาง ริยาด มาห์เรซ พยายามชิพไปที่หน้าประตูโล่งๆ แต่ดันหลุดกรอบออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

 

เลสเตอร์ โหมต่อเนื่อง 7 นาทีถัดมา วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ ยกบอลเข้าเขตโทษให้ เจมี่ วาร์ดี้ เทกตัวโหม่งข้ามคานหวุดหวิด

 

ความพยายามของ “จิ้งจอก” มาสัมฤทธิ์ผลใน นาที 75 ริยาด มาห์เรซ ลากถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวาแล้วตบเข้ากลาง เจมี่ วาร์ดี้ ยิงติดบล็อกกระเด้งมาให้ บีเซนเต้ อีบอร์ร่า ซัดจังหวะแรกติดบล็อกแต่ยังได้ซ้ำดาบสองติดเซฟ วิลลี่ กาบาเยโร่ กระฉอกออกมา สุดท้ายเป็น วาร์ดี้ ส่งบอลสู่ก้นตาข่ายเป็นประตู 1-1

 

9 นาทีถัดมา เจ้าบ้านพลาดโอกาสแซงนำ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ จ่ายเข้าเขตโทษให้ เจมี่ วาร์ดี้ ทะลุเข้าไปยิงตรงตัว วิลลี่ กาบาเยโร่ ก่อน เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เคลียร์ออกไปได้

 

นาที 87 “สิงโตน้ำเงินคราม” พลาดโอกาสทอง วิลเลี่ยน จ่ายเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ อัลบาโร่ โมราต้า ทะลุไปยิงติดมือของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล โดยได้ซ้ำอีกครั้งก็ยังติดเซฟเหมือนเดิม

 

จากนั้น ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบ 90 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

 

กลับมาเล่นกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ ครึ่งแรกผ่านไปจนถึง นาที 105 เชลซี ขึ้นนำอีกครั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ โยนจากหน้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ เปโดร โรดริเกซ ตัวสำรอง เทกตัวโหม่งตัดหน้า แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ส่งบอลสู่ก้นตาข่ายเป็นประตู 2-1 และจบ 15 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้

 

เริ่มเล่นต่อครึ่งหลัง “จิ้งจอก” เดินเกมรุกอย่างหนักหวังยิงตีเสมอแต่ทำไม่สำเร็จ ทีมเยือนประคองตัวไว้ได้จนสิ้นสุดเสียงนกหวีดสุดท้าย จบ 120 นาที เชลซี บุกเชือด เลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เลสเตอร์ ซิตี้ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, แดนนี่ ซิมพ์สัน (ฟุสเซนี่ ดิยาบาเต้ น.106), เวส มอร์แกน, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, เบน ชิลเวลล์, ริยาด มาห์เรซ, บิเซนเต้ อีบอร์ร่า (อาเดรียน ซิลวา น.105), วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, มาร์ค อัลไบรท์ตัน (เดมาไร เกรย์ น.115), เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ (ชินจิ โอกาซากิ น.68), เจมี่ วาร์ดี้

 

เชลซี : วิลลี่ กาบาเยโร่, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น (แกรี่ เคฮิลล์ น.101), อันโตนิโอ รือดิเกอร์, วิคเตอร์ โมเสส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ตีเอมูเอ้ บากาโยโก้ (เชส ฟาเบรกาส น.46), มาร์กอส อลอนโซ่, เอแด็น อาซาร์, อัลบาโร่ โมราต้า (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.105), วิลเลี่ยน (เปโดร โรดริเกซ น.92)

ผู้ตัดสิน : เคร็ก พอว์สัน

ที่มา : [Siamsport]