จุดเริ่มต้นของการก้าวสู่ความเป็นมหาอำนาจและเพชรเม็ดงามของมาเลเซียของ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม หรือ เจดีที นั้นต้องย้อนกลับไปถึงการตัดสินใจเข้าสู่วงการฟุตบอลของ ตุนกู อิสมาอิล สุลต่าน อิบราฮิม เมื่อปี 2013 ในตอนแรกของซีรี่ส์ 4
ตอนนี้ มงกุฎราชกุมารแห่งรัฐยะโฮร์ได้จับเข่าคุยกับ วีเจย์ วิค ถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และแผนการในอนาคตอันใกล้
นับตั้งแต่เริ่มต้นการสร้างทีมใหม่ในฤดูกาล 2013 ทีมเสือร้ายจากแดนใต้ก็ได้สร้างหมุดหมายใหม่ให้กับวงการฟุตบอลมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง
แม้ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลยในฤดูกาลแรกของโปรเจ็คท์ แต่หลังจากนั้นความสำเร็จก็ได้ถาโถมใส่สโมสรแห่งนี้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ผู้คนคิดว่าผมก็แค่คนบ้าฟุตบอลคนหนึ่ง แต่ไม่เลย เพราะในขณะที่คู่แข่งของผมวางแผนทุกอย่างเป็นปีๆ ไป แต่ผมคิดล่วงหน้ากว่านั้นเยอะ
เจดีทีคว้าแชมป์มาเลเซีย ซูเปอร์ลีก (เอ็มเอสแอล) ครั้งแรกเมื่อปี 2014 ก่อนจะคว้าแชมป์ลีกได้ต่อเนื่องทุกปี รวมถึงแชมป์เอฟเอคัพ 2016, ถ้วยสุลต่าน อาหมัด อาหมัด ชาห์ อีก 2 ครั้ง และรางวัลใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของทีมอย่างแชมป์เอเอฟซี คัพ 2015
ซึ่งทีมของตุนกู อิสมาอิล ยังไม่อิ่มหนำกับความสำเร็จระลอกนี้แต่อย่างใด แถมยังตั้งเป้าสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม รวมถึงการเป็นมหาอำนาจของอาเซียนทั้งในและนอกสนาม
กล่าวได้เลยว่าในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีไม่กี่ทีมนักหรอกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะสร้างแบรนด์ให้ยิ่งใหญ่ได้เหมือนที่เจดีทีทำ
“ความสำเร็จทำให้วิสัยทัศน์และความคิดของผมเปลี่ยนไปครับ” ตุนกู อิสมาอิล หรือที่รู้จักกันในชื่อ ทีเอ็มเจ ตรัสกับทาง โฟร์โฟร์ทู “ผมชอบที่จะประเมินความสำเร็จของทีมในทุกมิติ แม้กระทั่งในรายละเอียดว่าเราสวมชุดอะไรลงแข่ง”
คลิ๊กลิงค์ —>
คลิ๊กลิงค์ —> .