“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล หยุดผลงานย่ำแย่สำเร็จ หลังบุกชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ อย่างสุดมันส์ 3-2 โดย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ยิง 1 จ่าย 1 ส่วน ซิมง มิโญเล่ต์ ป้องกันจุดโทษไว้ได้
คู่ปรับจากศึก คาราบาว คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านรับมือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในเกมพรีเมียร์ลีก คู่สุดท้ายคืนวันเสาร์
เจ้าถิ่นได้ เจมี่ วาร์ดี้ หายเจ็บฟิตกลับมาเป็นตัวจริง โดย เคร็ก เช็คสเปียร์ ปรับทัพ 7 ตำแหน่งจากกลางสัปดาห์ แนวรุกวาง ริยาด มาห์เรซ และ มาร์ก อัลไบรท์ตัน ปั้นเกมริมเส้น โดยมี ชินจิ โอกาซากิ ที่ทำผลงานเด่นในนัดล่าสุด เป็นหน้าต่ำ
ทางด้าน “หงส์แดง” ได้ 2 เซนเตอร์ฮาล์ฟ โฌแอล มาติป และ เดยัน ลอฟเรน ที่มีอาการเจ็บและไม่ได้ซ้อม กลับมาเป็นตัวจริงทั้งคู่ รวมถึง เอ็มเร่ ชาน ส่วนตัวรุกยังขาด ซาดิโอ มาเน่ ที่ติดโทษแบนเป็นนัดสุดท้าย เป็นโอกาสของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เป็นตัวจริงร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่
เล่นไปได้ 6 นาที จิ้งจอกลุ้นก่อน โอกาซากิดีดให้วาร์ดี้หลุดกับดักล้ำหน้า กระชากเข้าเขตโทษทางซ้าย ก่อนเอี้ยวตัวยิงด้วยขวา มิโญเล่ต์ปัดออกได้ มาห์เรซกระโดดแปซ้ำด้วยซ้ายข้ามคาน
หงส์น่าได้ นาทีที่ 13 เอ็มเร่ ชาน ตั้งป้อมตะบันด้วยขวาหน้าเขตระยะ 25 หลา บอลพุ่งชนเสาสองอย่างจัง กระเด้งมาตรงหน้าซาลาห์แปซ้ำด้วยซ้ายโล่งๆ ไม่เข้ากรอบเหลือเชื่อ
เอาจนได้ นาทีที่ 15 คูตินโญ่ประสานงานกับโมเรโน่ทางกราบซ้าย ก่อนคูตี้เปิดโค้งลึกมาเสาสอง ซาลาห์สอดขึ้นมาโหม่งมุมแคบ ผ่านมือชไมเคิ่ลเสียบเสาแรกสวยงาม ลิเวอร์พูลนำ 1-0
หงส์ยังมีชอตพลาด นาทีที่ 17 มิโญเล่ต์โดนวาร์ดี้กดดัน ทำให้เตะเปิดไปติดโอกาซากิ ยิงสวนเร็วหน้าประตูโล่งๆ แต่บอลยังไปแฉลบมิโญเล่ต์ออกหลัง เสียแค่เตะมุม
ระบายความอัดอั้น นาที 23 หงส์ได้ฟาวล์หน้าเขตโทษ คูตินโญ่ปั่นด้วยขวา บอลลอยข้ามกำแพงโค้งเสียบฝั่งซ้ายของตาข่าย สุดปัญญาที่ชไมเคิ่ลจะบินถึง ลิเวอร์พูลขยับเป็น 2-0 และเป็นประตูแรกของคูตี้ในฤดูกาลนี้
จิ้งจอกเฮเก้อ นาที 38 จากฟรีคิกหน้าเขตโทษ แม็คไกวร์โหม่งเช็ดให้โอกาซากิ สอดมายิงสวนตัวมิโญเล่ต์ตุงตาข่าย แต่ผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้า แต่ภาพช้าเห็นว่าไม่ล้ำ เนื่องจากมีเฮนเดอร์สันยืนห้อยอยู่
หงส์โต้กลับ นาที 43 ชานลากบอลขึ้นมา ก่อนถ่ายบอลออกซ้ายไปให้ฟีร์มิโน่ก้มหน้ากดเรียดเล็งเสาสอง คูตินโญ่โฉบมาสไลด์แต่ไม่ถึง บอลหลุดเสาไกลออกไป
อย่างไรก็ดี ช่วงทดเจ็บ เจ้าถิ่นไล่คืนสำเร็จ มาห์เรซเปิดลูกเตะมุมทางซ้ายมาหน้าประตู มิโญเล่ต์ออกมาชกไม่โดน บอลกระเด้งไปชน โจ โกเมซ กระเด้งกลับมาหน้าประตูตัวเอง โอกาซากิตามไปจิ้มโล่งๆ ไล่เป็น 1-2 แม้ผู้เล่นหงส์พยายามประท้วงว่า มิโญเล่ต์โดนฟาวล์ แต่ไม่เป็นผล จบครึ่งแรก เลสเตอร์ ตามหลัง ลิเวอร์พูล 1-2
กลับมาเล่นครึ่งหลัง นาที 56 เฮนโด้สาดบอลเปลี่ยนจากตรงกลางไปทางซ้าย ชานสอดขึ้นมาโหม่งข้ามคาน นาที 67 เจ้าถิ่นน่าได้คืน อัลไบรท์ตันจ่ายให้วาร์ดี้ฉีกไปรับบอลทางฝั่งซ้าย ก่อนยิงติดกองหลังที่สไลด์บล็อกได้ทัน
จากจังหวะดังกล่าว หงส์โต้กลับเร็ว 3 ตัว ส่วนเลสเตอร์เหลือแค่ 2 คนในแนวรับ สเตอร์ริดจ์ลากมาหน้าประตู ก่อนจ่ายออกซ้ายให้เฮนเดอร์สันที่ยืนโล่ง ล็อกหนีแม็คไกว์ แล้วซัดหักข้อผ่านชไมเคิ่ล หงส์หนีเป็น 3-1
แต่ดีใจได้แค่ 90 วินาที จิ้งจอกเอาคืนทันควัน ชิลเวลล์โยนจากซ้ายลึกไปเสาสอง เกรย์วอลเล่ย์ด้วยขวา มิโญเล่ต์ปัดได้ แต่บอลมาเข้าทางวาร์ดี้โหม่งเผาขนตุงตาข่าย เลสเตอร์ไล่เป็น 2-3
เจ้าถิ่นคึกต่อ นาที 72 คิงจ่ายขึ้นหน้าให้วาร์ดี้สปีดวัดกับมิโญเล่ต์ ก่อนถึงบอลก่อนนิดเดียวแล้วโดนมิโญเล่ต์เตะล้ม ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษ วาร์ดี้รับหน้าที่สังหารเอง ก่อนกระหน่ำเต็มหลังเท้า บอลพุ่งตรงตัวมิโญเล่ต์ปัดได้ หงส์รอดตัวเหลือเชื่อ
หงส์โต้กลับได้สวย นาที 75 สเตอร์ริดจ์ลากมาหน้าประตู ก่อนล็อกเข้าซ้ายแล้วปั่นเฉี่ยวเสาไกลนิดเดียว อีก 6 นาที อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนจ่ายจากซ้ายเข้าใน สเตอร์ริดจ์สับไกด้วยซ้าย ชไมเคิ่ลต้องออกแรงปัด
จบเกม เลสเตอร์ พ่าย ลิเวอร์พูล 2-3 ทำให้ “หงส์แดง” หยุดผลงานไม่ชนะในทุกรายการ 4 นัดสำเร็จ พร้อมขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ของตาราง
คลิ๊กลิงค์ —>
คลิ๊กลิงค์ —> .