การแข่งขันฟุตบอลคิงส์ คัพ ครั้งที่ 45 ซึ่งกำลังจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 และ 16 กรกฎาคม สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยได้เชิญคู่แข่งมาสามทีม ประกอบด้วยเบลารุส (ยุโรป), บูกิร์น่า ฟาโซ (แอฟริกาใต้) และเกาหลีเหนือ(เอเชีย) โดยรายหลังสุดหลายคนที่ไม่ค่อยได้ดูบอลอาจแปลกใจว่าทำไมถึงต้องเป็นชาตินี้? พูดถึงคำว่า “เกาหลีเหนือ” สิ่งแรกที่ไหลเข้ามาในความคิดของเรา ๆ อาจเป็นผู้นำเผด็จการสุดโหด, ทรงผมรองทรงสูงไม่เหมือนใครของคิม จอง-อึน และประชาชนที่ยังมีวัฒนธรรมที่ล้าหลังกว่าชาวโลกหลายร้อยปี เนื่องจากพวกเขาเป็นประเทศปิด ไม่พึ่งพาประเทศอื่นใดในโลก หากจะกล่าวถึงกีฬาฟุตบอล ทีมชาติเกาหลีเหนือถือว่าเป็นทีมที่ไม่ธรรมดา เพราะเป็นชาติแรกจากภูมิภาคเอเชีย ที่ผ่านจากรอบแบ่งกลุ่มในการแข่งขันฟุตบอลโลกได้สำเร็จ ย้อนกลับไปเมื่อปี 1966 : 16 ชาติจากทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลถ้วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยเจ้าภาพก็คือ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ทัวร์นาเม้นต์ดังกล่าว ทีมชาติเกาหลีเหนืออยู่ในกลุ่มเดียวกับสหภาพโซเวียต, อิตาลีและชิลี โดยเกมนัดแรก พวกเขาพ่ายต่อสหภาพโซเวียต 3-0 ตามด้วยการเสมอกับชิลี 1-1 ส่วนนัดสุดท้ายเจอกับอิตาลี และก็ช็อคโลกเฉือนชนะ 1-0 ตบเท้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในอันดับสองของกลุ่มได้สำเร็จ (จากนั้นพวกเขาพ่ายให้กับโปรตุเกส 5-3 แม้ว่าจะยิงนำไปก่อน 3-0 ในเวลา 25 นาทีก็ตาม)
ในปี 1999 มีการเปิดเผยภาพยนตร์สารคดีที่สัมภาษณ์บรรดานักเตะซึ่งยังมีชีวิตอยู่จากทีมชุดดังกล่าว โดยพวกเขานิยามตัวเองว่าเปรียบดั่งวีรบุรุษของชาติตอนเดินทางกลับไปถึงประเทศเกาหลีเหนือ กล่าวถึงด้านดี ๆ กันไปแล้ว เรามาอ่านความฉาวโฉ่ที่เกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลเกาหลีเหนือกันบ้าง อย่างที่อ้างอิงเอาไว้เบื้องต้นเรื่องการถูกต้อนรับดั่งวีรบุรุษจากศึกฟุตบอลโลก 1966 แต่ชอล-วาน กาง ผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Aquariums of Pyongyang (เกี่ยวกับชีวิต 10 ปีในคุกแรงงานที่เกาหลีเหนือ) เล่าเรื่องราวในมุมของเขาว่าเขาจดจำนักโทษบางรายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในทีมชุดเข้าแข่งขันเวิร์ล คัพในปีดังกล่าวได้! สำหรับฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดที่ทีมชาติเกาหลีเหนือได้ผ่านเข้าไปเล่นคือปี 2010 พวกเขาโดนจับไปอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับบราซิล, โปรตุเกสและไอวอรี่ โคสต์ โดยพ่ายแพ้ไปทั้งสามนัดและสำนักข่าวดังทั่วโลกต่างรายงานเรื่องว่าเมื่อกลับไปถึงบ้านเกิด เหล่านักเตะจากทีมชุดดังกล่าวถูกประจานต่อหน้าสาธารณชนเป็นเวลา 6 ชั่วโมง แถมยังโดนทำโทษทรมานและส่งไปใช้แรงงานในเหมือง หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นนั้นคือความจริงหรือไม่ ฟีฟ่าได้ลงไปตรวจสอบด้วยตัวเองและไม่พบหลักฐานการทำผิด ส่วนข้อยืนยันอีกหนึ่งอย่างคือนักเตะส่วนใหญ่จากทีมชุดบอลโลก 2010 ยังคงมีชื่อรับใช้ชาติในการแข่งขันเอเชียน คัพ 2011 ประเด็นนี้จึงโดนตีตกไป ข่าวลืออีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนอยากรู้คงเป็นเรื่องของการเดินทาง มีการระบุว่านักฟุตบอลทุกคนที่ต้องไปแข่งขันในต่างประเทศ จะมีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นทหารคอยติดตามอย่างเข้มงวด แถมคนในครอบครัวก็ต้องให้รัฐบาลจับไว้เป็นตัวประกัน เพื่อป้องกันการหลบหนี ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยกับคำถามที่ว่า ทำไม? ประเทศซึ่งไม่เปิดรับชาวโลกอย่างเกาหลีเหนือถึงมีผลงานที่เป็นรูปธรรมกับกีฬาฟุตบอล?
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
– ประเทศเกาหลีเหนือเกิดขึ้นหลังจากสงครามเกาหลี
– เกาหลีเหนือใช้โซนเวลาของตัวเอง เรียกว่า “เปียงยาง ไทม์” (ช้ากว่าเกาหลีใต้และญี่ปุ่น 30 นาที)
– ต้องใช้เงิน 8,000 ดอลลาร์ในการหลบหนีออกจากเกาหลีเหนือไปที่จีน (ข้อมูลจากปี 2014)
– ราคาเหล้าหนึ่งขวดที่คิม จอง-อิล ผู้นำคนที่แล้วของเกาหลีเหนือชอบดื่มนั้นมีราคามากกว่ารายได้ต่อปีของประชาชน 500 เท่า
– คิม จอง-อิล ใช้เงินไปกับเหล้าเฮนเนสซี่ประมาณ 700,000 ดอลลาร์ในหนึ่งปี (ตีเป็นเรทเงินปัจจุบันอยู่ที่ 913,000 ดอลลาร์ เขาเสียชีวิตไปเมื่อปี 2011)
– 97% ของถนนในประเทศเกาหลีเหนือยังเป็นถนนลูกรัง (ระยะทางถนน 25,554 กิโลเมตร มีการปูถนนไปเพียง 724 กิโลเมตร หรือคิดเป็น 2.83%)
คลิ๊กลิงค์ —>
คลิ๊กลิงค์ —> .